แคว้นพะเยา
ความเป็นมา
แคว้นพะเยา เกิดจากการขยายตัวของราชวงศ์ลาวที่แยกตัวออกมาเพื่อสร้างเมืองใหม่ สันนิษฐานว่าประมาณพุทธศตวรรษที่ 17 โดยพญาลาวเงินแห่งเมืองเงินยางได้ส่งเจ้าราชบุตรนามขุนจอมธรรมสร้างเมืองพะเยาและปกครองในฐานะนครรัฐอิสระไม่ขึ้นกับใคร มีความสัมพันธ์อันดีกับเมืองเงินยางในฐานะญาติและพันธมิตร
แคว้นพะเยา เริ่มมีบทบาทโดดเด่นขึ้นต้นพุทธศตวรรษที่ 19 กษัตริย์นาม "พญางำเมือง" กษัตริย์พระองค์ที่เก้า เป็นพระสหายของพ่อขุนรามคำแหง และพญามังราย ทั้งสามพระองค์ได้ร่วมมือกันทำสัญญาสามกษัตริย์ในปี พ.ศ. 1830 เพื่อต่อต้านการขยายตัวของจักรวรรดิมองโกลทั้งที่ก่อนหน้านี้พญามังรายเคยยกทัพไปเมืองพะเยาในปี พ.ศ. 1819 แต่ไม่ได้รบกันแต่กลับมีการเจรจากัน[6] สรัสวดี อ๋องสกุลได้สันนิษฐานว่าเป็นเพราะ "...ความเป็นสหายและความเข้มแข็งของพญางำเมืองในขณะนั้นเป็นอุปสรรคต่อการยึดเมืองพะเยา" ด้วยความเข้มแข็งดังกล่าวพญางำเมืองได้ขยายอำนาจและยึดครองนครรัฐน่านโดยส่งพระชายาและราชบุตรไปปกครอง ถือเป็นยุคที่พะเยาเจริญรุ่งเรืองสูงสุด
ศิลปวัฒนธรรม
ศิลปะที่พะเยาล้วนแล้วแต่ทำด้วยศิลาทั้งสิ้น ด้วยเป็นศิลปกรรมร่วมสมัยกับอโยธยา ลพบุรี ดังเช่นพระพุทธรูปศิลาขนาดใหญ่ที่เวียงลอ เป็นศิลปะพะเยาผสมกับปาละ พระพุทธรูปเหล่านี้เม็ดพระศกใหญ่ มีลักษณะแตกต่างกับศิลปะเชียงใหม่มาก แต่ก็มีประพิมพ์ประพายคล้ายศิลปะเชียงแสน พระพุทธรูปศิลาที่พบยังเวียงชัยที่เชียงราย มีลักษณะพื้นเมืองเข้าผสมผสานอย่างมาก จะมีลักษณะความเป็นพื้นเมืองอย่างเด่นชัด ส่วนพระพุทธรูปศิลาที่เป็นปาละชัดๆ ซึ่งอาจจะเป็นศิลปะเชียงแสนหรือพะเยาเท่าๆ กัน อยู่ที่วัดดอยทอง เชียงแสน จังหวัดเชียงราย นอกจากนี้ศิลปะพะเยายังมีการสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ดังเช่น พระประธานวัดพระเจ้าตนหลวง เป็นศิลปะปาละผสมกับพื้นเมือง มีขนาดใหญ่คับอุโบสถ ในวัดพระเจ้าตนหลวงนี้ยังมีพระศิลาแข้งคมของพะเยา บ่งถึงศิลปะร่วมสมัยกับศิลปะขอมแบบบายนทรงก็อวบอ้วนแบบพระขอม นอกจากนี้ได้พบฐานพระจำหลักศิลาสมัยพะเยาหรือเชียงแสน ที่วัดพระเจ้าตนหลวงเช่นกัน สังเกตรูปนางเทพธิดายืนบนหลังช้างแบกฐานพระพุทธรูปแบบฐานปาละ ลักษณะเชิงชายผ้านุ่งเหมือนศิลปะนครวัด และเทพธิดาสวมชฎาเทริด อันเป็นของรุ่นเก่า
การปกครอง
การเปลี่ยนแปลงการปกครอง2475 ได้เปลี่ยนเมืองพยาวเปนอำเภอพะเยา 2520 เปลี่ยนเป้นจังหวัด พะเยา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น